Categories
Art of the week

 “Wheel of Fortune” by Bow Puntita

คนมากมายอาจรู้จักไพ่ทาโร่ต์ในการทำนายโชคชะตา แต่ศิลปินรุ่นใหม่อย่างโบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย มองเห็นบางแง่มุมของไพ่ทาโร่ต์ที่น่าสนใจและนำมาผสมผสานต่อยอดกับจินตนาการและความรู้สึกนึกคิดลึกๆของตน เป็นผลงานชุดไพ่ทาโร่ต์ในแบบของตนเอง 22 ชิ้น คอลัมน์ Art of the Week ในสัปดาห์นี้ จึงขอหยิบผลงานที่มีชื่อว่า ‘Wheel of Fortune’ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานเพ้นท์ติ้งที่จัดแสดงอยู่ใน ‘Story of My Mind’ นิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งแรกของศิลปิน มาเจาะลึกและขยายประเด็นจนถึงที่มาของผลงานในซีรี่ส์นี้ด้วยบทสัมภาษณ์กับศิลปินแบบเอ็กซคลูซีฟเลยทีเดียว 

ศิลปินโบว์ได้เล่าถึงผลงานชื่อ ‘Wheel of Fortune’ ไว้ว่าความหมายของไพ่ใบนี้มันคือการเปลี่ยนแปลงเวลาที่เราไม่รู้ว่ามันจะหมุนไปทางทิศทางไหนมันจะดีหรือร้ายทุกอย่างมันทราบไม่ชัดเจนภาพผู้หญิงที่ตัดตรงช่องดวงตาให้เป็นภาพจักรวาลจักรวาลที่เราพูดกันว่ามันไร้ขอบเขตแต่เราก็ไม่รู้กันว่าแท้จริงแล้วมันอาจจะมีขอบเขตก็ได้เราแค่ยังไม่ได้ค้นพบถึงตรงนั้นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโบว์ใช้ตัวดวงจันทร์ล้อมรอบตัวผู้หญิงอีกทีซึ่งจะเรียงลำดับตามข้างขึ้นข้างแรมและในเชิงวิทยาศาสตร์มันมีผลต่อโลกมากเช่นกระแสน้ำขึ้นน้ำลงมันคือการเปลี่ยนแปลงลูกโป่งสีส้มในภาพคือลูกโป่งดวงอาทิตย์ที่แทนเรื่องของปัญหาซึ่งไพ่ชุดนี้ที่สร้างขึ้นมามันเป็นไพ่ที่สร้างมาเพื่อตัวเองมันเป็นสตอรี่ของโบว์ทั้งหมดดวงอาทิตย์มันแทนปัญหาใหญ่ที่โบว์แบกรับไว้แต่ส่วนที่คอยแก้ปัญหาหรือคนที่พยุงมันเอาไว้แทนด้วยภาพเด็กผู้หญิงในฮู้ดแดงช่วยพยุงช่วยจับลูกโป่งตัวละครเด็กผู้หญิงในฮู้ดแดงมันคือสภาวะข้างในจิตใจของโบว์ในองค์ประกอบของทุกภาพจะมีตัวฮู้ดแดงอยู่ไม่ว่าฮู้ดแดงจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์หรือรูปที่เหมือนตัวเองมันจะคอยแก้ปัญหาหรือปรับเปลี่ยนให้ภาพไพ่ทุกๆชิ้นกลายเป็นไพ่ที่ดีปกติแล้วไพ่ทาโร่ต์จะมีทั้งไพ่ที่ดีและไม่ดีแต่ทั้งหมดในนิทรรศการมันคือไพ่ปัญหามันอาจจะเคยเป็นไพ่ที่ไม่ดีทั้งหมดแต่โบว์ได้แก้ปัญหามันมาหมดแล้วทำให้ทุกใบกลายเป็นไพ่ที่ดีพอมันเป็นไพ่ที่เกิดขึ้นไปแล้วและเป็นพาร์ทอดีตของโบว์มันก็คือไดอารี่ที่โบว์เขียนและจบไปแล้ว

เมื่อถามถึงทำไมต้องเป็นไพ่ทาโร่ต์ศิลปินได้เผยว่าตอนนั้นอายุ 23 เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆรู้สึกตัวเองประสบความสำเร็จมากทำให้โบว์รู้สึกว่าตัวเองโตเกินไวและไม่พร้อมที่จะรับมือหรือแก้ปัญหาการตัดสินใจของเราบางอย่างมันเด็กเกินไปทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายเพราะฉะนั้นวัยเบญจเพสของโบว์คือตอนอายุ 23-24 เลยอยากทำไพ่ทาโร่ต์ชุดนึงขึ้นมาและทำมันให้เป็นไพ่ดีทั้งหมดเป็นไพ่ที่ทำเพื่อเราและชีวิตเราก็จะดีขึ้นมันเกิดจากความเชื่อเล็กๆตรงนี้ก็เลยทำผลงานเป็นชุดไพ่ทาโร่ต์นี้ขึ้นมาจากความหมายของไพ่แต่ละใบที่มันเข้ากับตัวโบว์ด้วยโบว์รู้สึกว่าการเป็นไพ่ทาโร่ต์มันมีความสากลด้วยตัวของมันเองมันสามารถอธิบายเป็นภาษาภาพได้การสื่อสารผ่านภาษาภาพที่โบว์วาดเป็นไพ่ทาโร่ต์ทำให้โบว์ไม่ต้องอธิบายด้วยตัวเองแต่คนก็สามารถเข้าใจและดูออกว่าเราต้องการสื่ออะไรจึงเลือกไพ่ทาโร่ต์

ศิลปินยังได้อธิบายถึงกระบวนการในการตีความไพ่ทาโร่ต์และกลวิธีสร้างภาษาภาพเพื่อสื่อเรื่องราวในแบบของตนเองอีกด้วยทีแรกโบว์ไปเรียนศาสตร์การดูไพ่แบบจริงจังมาด้วยความที่เราต้องวาดมันถึงแม้ว่าเราจะวาดมันขึ้นมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่แต่ก็ยังอยากให้พื้นฐานบางอย่างที่อ่านแล้วเหมือนกันทั่วโลกยังอยู่ก็เลยไปเรียนแล้วก็มาสเก็ตช์เยอะมากจริงๆไพ่แต่ละใบจะมีส่วนสำคัญอยู่ไม่กี่จุดองค์ประกอบต่างๆไม่ว่าเป็นสีตำแหน่งสัญลักษณ์ของวัตถุที่อยู่ข้างในไพ่ก็ต้องมีความตรงกันพอเรามีความรู้พื้นฐานมาแล้วเราก็เอามาใช้โบว์มีผู้ช่วยดูให้ชื่อศุภสัณห์ไชยพานิชนิสิตคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯปี1 จะเป็นคนดูให้ว่ายังอ่านออกในแง่ของความเป็นไพ่แต่ยังสื่อได้ตรงกับที่เราต้องการหรือไม่เพราะเมื่อเป็นงานศิลปะแล้วเราก็ต้องไม่ให้ดูงมงายจนเกินไปอยากให้ความเป็นศิลปะถูกชูขึ้นมาส่วนความหมายก็ตามมาและชื่อไพ่ที่อยู่ในภาพตามมาเป็นอันดับที่สามที่สำคัญคือยังรักษาความเป็นตัวตนของเราอยู่

ล้วงลึกกับผลงานและการทำงานของศิลปินมาขนาดนี้แล้วจะไม่ถามถึงในจำนวนไพ่ 22 ใบมีใบไหนที่รู้สึกสื่อถึงตัวเรามากที่สุดก็คงไม่ลึกจริงซึ่งศิลปินก็ตอบได้อย่างลึกซึ้งว่าไพ่ที่เป็นตัวตนที่สุดจะเป็นไพ่ใบที่ 23 ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นไพ่หน้าปกเป็นภาพเพ้นท์ติ้งชื่อว่า “Who am I” ที่วาดเป็นชิ้นสุดท้ายในนิทรรศการนี้และเป็นภาพที่อยู่บนกล่องไพ่ด้วยมันจะมีตัวโบว์เล็กๆที่เป็นตัวฮู้ดแดงเยอะๆอยู่ในนั้นในช่วงนั้นเราเจอปัญหามากสภาพจิตเราไม่ค่อยดีมันจึงเป็นไพ่ที่ทบทวนเรื่องราวตัวเองรวบรวมตัวฮู้ดแดงทุกตัวที่ช่วยแก้ปัญหาในไพ่ทุกใบมารวมกันเหมือนตอนจบละครเวทีผลงานชิ้นนี้ทำให้โบว์เห็นตัวเองในทุกๆมุมทุกๆรูปแบบวาดตัวเองซ้ำๆมันเป็นการทำและย้ำตัวเองว่าจริงๆแล้วเราเป็นใคร