top of page
รูปภาพนักเขียนPetch

Trend of Thai Art Investment เทรนด์การลงทุนศิลปะไทย


ปัจจุบัน วงการศิลปะภายในประเทศไทยก็กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากราคาของผลงานศิลปะที่ค่อยๆเริ่มสูงขึ้น และคนที่รอซื้อผลงานศิลปะก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งซื้อไปเพื่อเก็บสะสม หรือซื้อไปเพื่อเป็นการเก็งกำไร แต่ก่อนที่เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าในวงการศิลปะในประเทศไทยมีอะไรน่าเก็บน่าสะสม เราไปดูราคาตลาดศิลปะของโลกกันก่อนดีกว่า ไปกันเล้ย!!

มาส่องตลาดศิลปะโลกกันก่อนดีกว่า

แนวโน้มราคาศิลปะโลกตั้งแต่ปี 2009-2021 เพิ่มจากมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท มาเป็น 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งหมายถึงทั่วโลกมีการสะสมศิลปะมากขึ้น และ หากเทียบราคาศิลปะโลก กับ งบประมาณประเทศไทย 3.3 ล้านล้านบาท นั่นหมายถึงว่า อิทธิพลของการซื้อขายศิลปะทั่วโลกต่อปีนั้น ใกล้เคียงกับงบประมาณของประเทศไทยทั้งปี? เพียงแต่ว่าศิลปะไทยเรายังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นหากเทียบกับวงการศิลปะของโลกนั่นเอง

.

จำนวนเงิน 2.3 ล้านล้านบาท ของ ราคาศิลปะโลกนั้น อยู่ที่ไหนมากที่สุด?

ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ได้ครอบครองส่วนแบ่งของ Global Art Market มากถึง 43% ตามมาด้วยประเทศจีน 20% และ อังกฤษ 17% ตามลำดับ และถ้าถามว่าทำไมส่วนแบ่งทางการตลาดของสหรัฐอเมริกานั้นถึงมากกว่าประเทศอื่นๆ นั่นก็เพราะว่า การสะสมผลงานศิลปะนั้นมักจะเชื่อมโยงกับขนาดของเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ หากประเทศไหนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ ก็จะทำให้ราคาของผลงานศิลปะสูงขึ้นมาอีกด้วย

.

ลองมองย้อนกลับมาภายในประเทศไทยว่าเราจะสามารถเพิ่มราคาผลงานศิลปะในประเทศของเราได้ไหม ซึ่งถ้าดูจากแนวโน้มราคาศิลปะของประเทศต่างๆ นั้นเราเชื่อว่าเราสามารถผลักดันให้ราคาศิลปะของไทยมีตลาดที่เติบโตขึ้นได้ถ้าประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เหมือนกับศิลปะของประเทศจีน ที่บางชิ้น มีราคาที่สูงมากๆถึง 5,013 ล้านบาทกันเลยทีเดียว

เปิดราคาผลงานศิลปะที่แพงที่สุดในโลก!

ผลงานศิลปะที่แพงที่สุดในโลกผ่านงานประมูล คือผลงานโดยศิลปิน Leonardo da Vinci ชื่อผลงาน “The Salvatore Mundi” ที่ถูกประมูลไปในราคา 16,000 ล้านบาท!!! และต่อมาในราคาประมูลที่รองลงมาเป็นอันดับ 2 โดยศิลปิน Pablo Picasso กับงาน “Les femmes d'Alger (Version O)” ที่ถูกเคาะไปที่ราคา 6,422 ล้านบาท ซึ่งผลงานศิลปะทั้ง 2 ชิ้นนั้นเราจะเห็นได้ว่าในแถบยุโรปที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ จึงมีส่วนที่ทำให้ราคาของผลงานศิลปะสูงมากยิ่งขึ้นด้วย


แล้วราคาผลงานศิลปะของประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง?

ปัจจุบันในแถบเอเชียนั้น ผลงานศิลปะที่มีมูลค่าสูงที่สุดจากการประมูล มาจากประเทศจีนในชื่อ “Twelve Landscape Screens” โดยศิลปิน Qi Baishi ที่ถูกประมูลไปในราคา 5,013 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ถูกประมูลสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกกันเลยทีเดียว!! โดยราคาถือว่าใกล้เคียงกับงานของ Pablo Picasso ที่ถูกประมูลไปในราคา 6,422 ล้านบาท หรือตัดกลับมาที่ประเทศอินโดนีเซียที่ก็มีผลงานประมูลที่ราคาสูงอย่างผลงาน “Wild Bull (banteng) Hunt” ที่ถูกประมูลไปในราคา 260 ล้านบาท!! โดยศิลปินชาวอินโดนีเซียอย่าง Raden Saleh หรือประเทศเวียดนาม ที่ขนาดเศรษฐกิจเล็กแต่ว่ามีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงขึ้นในทุกๆ ปี ก็มีผลงานศิลปะที่ถูกประมูลไปในราคา 77 ล้านบาท อย่างผลงาน “Portrait de Mademoiselle Phuong” ของศิลปิน Mai Trung Thu


แล้วประเทศไทยอยู่ตรงไหน?

ภาพที่มีการประมูลสูงที่สุดของประเทศไทย เป็นผลงานศิลปะของศิลปินไทยชื่อดังอย่าง อ.ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งถูกประมูลไปในราคา 26 ล้านบาท และภาพของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่ได้ผ่านการประมูล แต่มีราคาสูงถึง 1,000,000 usd หรือราคา 35 ล้านบาท ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ราคาของผลงานศิลปะไทยนั้นยังไม่ถือว่าสูงมาก หากเราเทียบกับราคาผลงานศิลปะของเพื่อนบ้านเรา


ศิลปะกลายเป็นป็อปคัลเจอร์ของโลก

ในปัจจุบัน มีหลากหลายแบรนด์ดังทั่วโลกที่เริ่มหันมาสนใจที่จะทำการคอลแลบกับศิลปินต่างๆ ยกตัวอย่างในต่างประเทศที่เราเห็นได้บ่อยๆ อย่าง Yayoi Kusama x Louis Vuitton หรือจะเป็น Murakami ที่ไปคอลแลบกับแบรนด์ต่างๆ แล้วศิลปินไทยที่ไปคอลแลบกับแบรนด์ดังระดับโลกมีไหม? บอกได้เลยว่าเพียบ อย่างล่าสุด ศิลปินไทยชื่อดังอย่าง ก้องกาน ก็ได้คอลแลบกับ Johnie Walker ออกขวดลายพิเศษที่สร้างสรรค์ผลงานจากหมึก Air-Ink ซึ่งเป็นหมึกที่ทำจากฝุ่นควันมลพิษทางอากาศ หรือจัด Private Art Showcase ให้กับ ทีมงาน สื่อมวลชนและแขกของ Louis Vuitton จากทั่วเอเชีย หรือภายในประเทศไทย ศิลปินชื่อดังหลายๆ ท่านก็ได้คอลแลบกับแบรนด์ดังๆ ของไทยอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Suntur ที่ได้ออกคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังอย่าง PDM


แล้วศิลปินไทยที่ไปคอลแลบกับแบรนด์ดังระดับโลกมีไหม? บอกได้เลยว่าเพียบ อย่างล่าสุด ศิลปินไทยชื่อดังอย่าง ก้องกาน ก็ได้คอลแลบกับ Johnie Walker ออกขวดลายพิเศษที่สร้างสรรค์ผลงานจากหมึก Air-Ink ซึ่งเป็นหมึกที่ทำจากฝุ่นควันมลพิษทางอากาศ หรือจัด Private Art Showcase ให้กับ ทีมงาน สื่อมวลชนและแขกของ Louis Vuitton จากทั่วเอเชีย หรือภายในประเทศไทย ศิลปินชื่อดังหลายๆ ท่านก็ได้คอลแลบกับแบรนด์ดังๆ ของไทยอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Suntur ที่ได้ออกคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังอย่าง PDM


ในส่วนที่กำลังฮ็อตฮิตไม่แพ้กันในปัจจุบันก็คือ Pop Art Edition ที่หลายๆ ศิลปินนั้นก็ได้ออกผลงานของตัวเองออกมา พร้อมกับมี Edition ให้หลายๆ คนได้จับจองกันเป็นเจ้าของ แต่ที่บูมและมาแรงที่สุดในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Art toy ที่ปัจจุบันกำลังเป็นกระแสมากๆ และกำลังเติบโตสุดๆ จนหลายคนพยายามตามหา และพยายามจับจอง ทั้งไปต่อแถวรอหรือรอจับฉลากทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศต่างก็เป็นกระแสกันทั่วทุกมุมโลก ทำให้ในตอนนี้ Art ประเภทต่างๆ นั้น ก็ได้กลายมาเป็นป็อปคัลเจอร์ของโลกกันไปแล้ว


สภาพคล่องสูงขึ้น และทัศนคติการสะสมมีการเปลี่ยนแปลง

ปัจจุบันสภาพคล่องในวงการศิลปะนั้นสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ผลงานศิลปะหรือชิ้นงานต่างๆ แม้กระทั่ง Art toy ต่างก็ถูกซื้อขายกันได้อย่างรวดเร็วบนช่องทางออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มซื้อขายผลงานศิลปะในประเทศไทยที่ในปัจจุบันก็มีแบ่งออกเป็นหลากหลายกลุ่มในเฟสบุ๊ก หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยภายในกลุ่มก็มีทั้งคนที่ต้องการที่จะปล่อยผลงานศิลปะ หรือคนที่ตั้งใจจะเข้าไปหางานบางชิ้น เพื่อให้ได้จับจองเป็นเจ้าของ ทำให้ในปัจจุบันสภาพคล่องในวงการศิลปะของไทยจึงสูงมาก วงการศิลปะของไทยจึงกำลังเริ่มเติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


ศิลปินไทยก้าวสู่การขายในระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น

ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงยุคต้นปี 2000 ศิลปินไทยก็ได้เริ่มเข้าสู่ตลาดโลกมานานแล้ว ซึ่งเราจะเห็นได้จากการที่ผลงานของศิลปินหลายท่านในกลุ่มของ Thai modern art ถูกสะสมในพิพิธภัณฑ์หลากหลายประเทศทั่วโลก ในปัจจุบันก็มีศิลปินไทยหลากหลายท่านที่ได้ไปแสดงงานที่ต่างประเทศ ยกตัวอย่างล่าสุดอย่าง Alex face ก็ได้ไปจัด Solo exhibition ที่ Vertical gallery ณ รัฐ Chicaco หรือศิลปิน เนียม มะวรคนอง ที่เคยได้ไปจัด Group exhibition กับศิลปินต่างประเทศ ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลี ทำให้เราเห็นได้ว่า ศิลปินไทยหลากหลายคนก็ได้ออกไปแสดงผลงานศิลปะสู่โลกกันมามากมายแล้ว


จะเห็นได้ว่าการเติบโตของตลาดศิลปะในไทยกำลังเพิ่มสูงขึ้นแบบเรื่อยๆ ถ้ามีนักสะสมหน้าใหม่ที่อยากจะลองเก็บผลงานศิลปะ เราก็มีทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับพอร์ตการลงทุนในงานศิลปะไทยมาฝากกันด้วย เราลองมาดูกันที่แบบแรกกันเลยดีกว่า

.

1.ลงทุนความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต้องใช้ระยะเวลา

ให้ลงทุน Thai Modern Art ในศิลปิน Blue Chips (กลุ่มผลงานที่เป็นผู้นำตลาด และมูลค่าสูง) เป็นหลัก และให้เราใช้เงินส่วนน้อยลงทุนใน Thai Art Now

.

2.ลงทุนความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนระยะสั้น

ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Thai Art Now และ Art Toy 70% และอีก 30% ให้อยู่ที่ Thai Modern Art

.

วันนี้ก็หมดลงไปเพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆอยากจะลองสะสมงานศิลปะสำหรับการลงทุนดู ก็ลองนำไปใช้กันดูได้ อย่าลืมกดติดตามเราเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารเกี่ยวกับวงการศิลปะกันด้วยนะ

.

เนื้อหาบทความจากการบรรยายในหัวข้อ Trend of Thai art investment โดย คุณเสริมคุณ คุณาวงศ์

______________________________


สามารถติดตามคอนเทนต์ของเราเพิ่มเติม ได้ที่: https://arttank.media/

หรือ ส่งข้อมูลข่าวสารให้เราประชาสัมพันธ์ได้ที่ media@arttankgroup.co.th

Follow us here for more contents: https://arttank.media/

Send us your Art news for PR here: media@arttankgroup.co.th


See less

ดู 391 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page